เสื้อผ้าและเครื่องนอนหลายชิ้นในบ้าน มีป้ายติดไว้หราว่าต้องทำความสะอาดด้วยวิธีซักแห้งเท่านั้น เพื่อถนอมเส้นใยผ้าไม่ให้เสียหาย ซึ่งต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายในการซักแห้งเสื้อผ้าและเครื่องนอน ก็อยู่ในราคาที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ฉะนั้นคงดีกว่าถ้าหากเราสามารถซักแห้งเสื้อผ้าและเครื่องนอนเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองที่บ้าน จะได้ไม่ต้องขนไปใช้บริการร้านซักแห้งให้เปลือง ซึ่งถ้าใครกำลังอยากจะประหยัดเงินค่าซักแห้งก็มาดูกันดีกว่าว่า วิธีซักแห้งเสื้อผ้าและเครื่องนอนด้วยตัวเองที่บ้าน จะต้องทำอย่างไรบ้าง
1. เครื่องนอน
หากเครื่องซักผ้าที่บ้านของคุณเป็นระบบซักแบบธรรมดา ไม่มีระบบถังปั่นกำลังแรง ก็สามารถนำเครื่องนอนอย่างผ้าห่ม หมอน รวมทั้งผ้านวมมาซักได้ โดยใช้ระบบซักน้ำร้อน และปรับระดับการซักเป็นแบบอ่อนโยนที่สุด พร้อมกับใช้น้ำยาซักผ้าคุณภาพดี และขั้นตอนซักน้ำเปล่าก็ตั้งเป็นระบบน้ำเย็น หรือคุณจะใส่ลูกเทนนิสใหม่ ๆ เข้าไปในเครื่องซักผ้าด้วยก็ได้ เครื่องนอนของเราจะได้นุ่มฟูไม่เสียทรง หรือถ้าต้องการซักแห้งแบบไม่ใช้น้ำ ก็ซื้อน้ำยาซักแห้งแล้วนำมาป้ายคราบเปื้อนต่าง ๆ แล้วนำไปอบในเครื่องอบผ้าก็ได้
2. ผ้าม่าน
ผ้าม่านเป็นผ้าที่ไม่ค่อยมีคราบสกปรกหนัก ๆ สักเท่าไร มีก็แค่ฝุ่น และขนสัตว์ปลิวไปติดเท่านั้น ซึ่งจะปลดผ้าม่านไปให้ร้านซักรีดทำความสะอาดก็คงไม่คุ้มหรอกเนอะ ฉะนั้นถ้าคุณอยากจะทำความสะอาดผ้าม่าน ก็แค่นำผ้าม่านไปปั่นแห้งในถังซักผ้าประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วก็รีบนำผ้าม่านมาสะบัดแรง ๆ แล้วตากลมอีกครั้ง ผ้าม่านจะได้ไม่เป็นรอยยับย่น หรือหากคุณต้องการใช้วิธีลัดก็ได้เช่นกัน โดยพันเทปกาวไว้ที่มือ หันด้านกาวเหนียว ๆ ไว้ข้างนอก แล้วนำไปป้ายให้ทั่วผืนผ้าม่าน ให้ความเหนียวของเทปกาวช่วยดึงขนสัตว์ และฝุ่นที่เกาะติดผ้าม่านออก หรือจะใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ และลูกกลิ้งกำจัดฝุ่นก็เวิร์กเหมือนกันจ้า
3. เสื้อกันหนาว
อากาศช่วงนี้กำลังเย็นได้ที่ หลายคนก็เลยค้นเสื้อกันหนาวที่เก็บเอาไว้ออกมาใส่ แต่ก่อนจะใส่ก็ต้องซักทำความสะอาดลดกลิ่นอับกันก่อน โดยขั้นแรกให้แยกผ้าสีและผ้าขาว ซึ่งก่อนจะนำเสื้อกันหนาวไปซัก ก็ควรนำเสื้อกันหนาวใส่ถุงซักผ้าก่อน เพื่อป้องกันใยผ้าหลุดลุ่ยเสียหาย คราวนี้คุณก็นำเสื้อกันหนาวไปซักได้ตามปกติเลย แต่พอเครื่องซักผ้าหยุดทำงานแล้ว ให้คุณรีบนำเสื้อกันหนาวมาสะบัดแรง ๆ แล้วแขวนตากทันที เสื้อกันหนาวจะได้ไม่ยับ และแห้งสนิทได้เร็วทันใจ หรือจะใช้น้ำยาซักแห้งป้ายตามคราบต่าง ๆ แล้วนำไปใส่ในถุงผ้าสำหรับซักแห้ง จากนั้นนำไปเข้าเครื่องอบผ้าก็ยิ่งดีค่ะ
4. ผ้าขนสัตว์ และผ้าแคชเมียร์
เสื้อกันหนาวขนสัตว์ และผ้าแคชเมียร์บางชิ้นก็สามารถซักทำความสะอาดได้ตามปกติ ซึ่งคุณควรตรวจสอบตรงป้ายที่ติดมากับผ้าให้ดี หรือไม่อย่างนั้นก็นำผ้าขนสัตว์ไปซักในเครื่องซักผ้าด้วยระบบซักที่เบาที่สุดก็ได้ เสร็จแล้วก็นำผ้าขนสัตว์ไปตากแห้งตามปกติ แต่สำหรับผ้าแคชเมียร์อาจจะต้องซักมือ และตากลมให้แห้งแทนนะคะ ไม่อย่างนั้นก็ใช้น้ำยาซักแห้งมาช่วยและเข้าเครื่องอบก็ได้เหมือนกัน
5. เสื้อคลุมและผ้าไหม
หากเสื้อคลุมและผ้าไหมของคุณไม่ได้มีป้ายประกาศว่า ต้องซักแห้งเท่านั้น ก็แสดงว่าคุณสามารถซักเสื้อผ้าเหล่านี้ด้วยเครื่องซักผ้าระบบเบาที่สุดได้เช่นกัน หรือถ้าไม่มั่นใจ ก็ใช้น้ำยาซักแห้ง ใส่ถุงผ้าสำหรับซักแห้ง และนำเข้าเครื่องอบผ้าได้เลย
6. ชุดสูท
สำหรับชุดสูทที่ไม่มีคราบสกปรกมาก สามารถทำความสะอาดเองได้ง่าย ๆ โดยก่อนนำชุดสูทไปซักในเครื่องซักผ้า ให้ม้วนชุดสูทด้วยเสื้อแจ็คเก็ตประมาณ 2-3 รอบเป็นอย่างต่ำ แล้วนำชุดสูทไปซักในเครื่องซักผ้าตามปกติได้เลย เสร็จแล้วก็สะบัดผ้าแรง ๆ ให้คลายรอยยับ ก่อนนำไปตากลมจนแห้งสนิท
7. รีดผ้าเรียบอย่างมืออาชีพ
หากเหตุผลที่คุณส่งผ้าไปซักแห้งบ่อย ๆ เป็นเพราะต้องการให้เสื้อผ้าเรียบกริบ ด้วยมือผู้เชี่ยวชาญในการซักรีดเท่านั้น แนะนำให้คุณลงทุนซื้อเครื่องรีดผ้าระบบไอน้ำ ที่ร้านซักรีดส่วนใหญ่นิยมใช้มาเลยจะดีกว่า สนนราคาก็ไม่เกิน 20,000 บาท เป็นการลงทุนครั้งเดียวที่ค่อนข้างคุ้มค่าในระยะยาวเลยล่ะค่ะ งานซักรีดเสื้อผ้าในบ้านอาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อสุด ๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นงานที่ยากเย็นซะทีเดียว ดังนั้นหากคุณอยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งเสื้อผ้าไปซักรีดที่ร้าน ก็ลองนำวิธีซักแห้งของเราไปใช้กันได้นะจ๊ะ
Credit : https://home.kapook.com/view79252.html |